18กันยายน2568เวลา9:30น.คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุข สภาผู้แทนราษฎร (กมธ. วิสามัญนิรโทษกรรม) ประชุมวาระสองเป็นครั้งที่7ในช่วงเช้าเป็นการพิจารณาเรื่องการนิรโทษกรรมทางแพ่งและเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลเพิ่มเติม
สมชาย พงษ์พัฒนศิลป์ ผู้แทนบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด(มหาชน)ระบุว่าบริษัทถือหุ้นโดยกระทรวงการคลัง ร้อยละ70และขายหุ้นให้กับบุคคลทั่วไปร้อยละ30สถานะของบริษัทจนถึงปัจจุบันเป็นรัฐวิสาหกิจ คดีในส่วนแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับการชุมนุมพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่บริษัทเป็นโจทก์นั้นถึงที่สุดแล้ว ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายประมาณ522 ล้านบาท หากรวมดอกเบี้ยจะเป็นเงินประมาณ 1,000 ล้านบาท ในทางบัญชีบริษัทไม่ได้ลงรายรับว่า มีรายได้จากค่าเสียหายดังกล่าวทั้งหมด1,000ล้านบาท แต่จะลงเมื่อได้เงินจากกรมบังคับคดี
จนถึงปัจจุบันได้เงินมาแล้วประมาณห้าล้านบาท เป็นเงินที่ได้จากการยึดและขายทอดตลาดอสังหาริมทรัพย์ของศรัณยู วงษ์กระจ่างเป็นส่วนใหญ่ เมื่อได้รับมาแล้วลงเป็นรายได้และนำไปเสียภาษี ส่วนหนึ่งได้ปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไปแล้ว หากพ.ร.บ.สร้างเสริมสังคมสันติสุขฯฉบับนี้มีผลใช้บังคับจะต้องนำเงินบริษัทไปชำระจำนวนห้าล้านบาท ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานกมธ.นิรโทษกรรมถามว่า มีการรายงานกับผู้ถือหุ้นอย่างไร สมชายตอบว่า มีการรายงานให้ผู้ถือหุ้นทราบถึงสถานะคดีและการได้รับชำระหนี้ อย่างไรก็ตามในรายละเอียดทางผู้ถือหุ้นจะดูจากงบการเงิน
ไพศาล พืชมงคล ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการ ระบุว่า ได้พูดคุยกับสุริยะใส กตะศิลา พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยทางกลุ่มของพวกเขามีการติดตามการพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้และมองว่า กฎหมายที่กำลังพิจารณายังไม่ครอบคลุมถึงกระบวนการล้มละลายให้ชัดเจน ขณะที่ณัฐวุฒิขอให้ระวี มาศฉมาดล ที่ปรึกษาอธิบายถึงกรณีของสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ที่ถูกยึดทรัพย์เพิ่มเติม ระวีอธิบายว่า เป็นกรณีที่ดินมรดกที่ไพบูลย์โอนให้แก่ลูกสาวและอาจเกี่ยวข้องกับการบังคับคดีแพ่ง
ประเด็นนี้สมชายตอบว่า สมเกียรติมีการโอนมรดกให้ทายาทก่อนการล้มละลาย บริษัทจึงมีการให้ขอให้เพิกถอนการโอนมรดก ตอนนี้ทรัพย์ชิ้นนี้ยังเป็นชื่อของลูกสาวอยู่ ถ้าพ.ร.บ.นี้ผ่านการบังคับคดีก็จะยุติ
ทิชา ณ นคร ที่ปรึกษาประจำคณะกรรมาธิการ ระบุทำนองว่า สิ่งที่กำลังจะพูดอาจจะทำให้เสียบรรยากาศ การพิจารณากฎหมายนี้กำลังกวาดทุกความเสียหายเพื่อเยียวยาทุกความเสียหาย แม้กระทั่งเสียงร้องของสุริยะใสยังถูกนำเข้ามา แต่ประเด็นของเด็กและเยาวชนที่พวกเขายังมีอนาคตมากกว่าพวกเราด้วยซ้ำแต่ไม่สามารถนำเข้ามารวมกับการพิจารณาในครั้งนี้ได้“ดิฉันคิดว่า เราเอียงจนน่าเกลียดมาก”
ด้านผู้แทนจากการบินไทยระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีคำพิพากษาในส่วนคดีแพ่ง เนื่องจากกำลังรอคดีอาญาอยู่ ส่วนผู้แทนหน่วยงานอื่นๆ เช่น ไปรษณีย์ไทยระบุว่า องค์กรไม่มีผลกระทบที่เกี่ยวเนื่องหากผ่านร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้
สร้างสันติสุข แต่ขอให้นึกถึงคนเสื้อแดงที่ติดคุกจนครบถ้วนด้วย
ชูวัส ฤกษ์ศิริสุข กรรมาธิการ ระบุว่า“ผมไม่เห็นข้อมูลหรือการรับรู้ของนปช.ที่ติดคุกไปแล้วชีวิตเขาต้องเยียวยาไหม เพื่อนผมหลายคนชีวิตล้มละลาย เมียหย่า ผัวหย่า เราต้องเยียวยาไหม ไม่งั้นมันจะมีมิติที่ไปเสริมสร้างความขัดแย้งเพิ่มเติมสำหรับคนเสื้อแดงจำนวนมากที่รู้สึกว่า ฉันติดคุกครบมาแล้ว…เรื่องเด็ก 112 ก็ไม่ได้แล้ว คนเสื้อแดง ชีวิตพังทลายไปแล้ว เขาไม่ได้มีเงินรายได้เป็นหมื่นล้าน แล้วมาเสีย 0.00037% แบบเล็กน้อย ผมมองภาพรวม โอเคเราเจตนาจะสร้างเสริมสังคมสันติสุข แต่มองหัวใจของคนเสื้อแดงทั้งหลายแหล่ที่ติดคุกไปแล้ว ถามว่า เขาจะรู้สึกอย่างไรที่คนเหล่านี้ยึดสนามบิน ได้คืนหมดเลย ชีวิตไม่ต้องติดคุกแต่ฉันติดมาแล้ว ฉันล้มละลายแล้ว พรากลูกพรากเมียบางคนกลายเป็นคนเร่ร่อน“

ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานกมธ.นิรโทษกรรม กล่าวว่า ผู้ต้องขังคดีของคนเสื้อแดงติดคุกครบถ้วนหมดแล้ว อาจเหลือคดีที่เกี่ยวเนื่องอยู่บ้าง หลายคนสู้คดีจนถึงฎีกาชนะ แต่ระหว่างการต่อสู้คดีไม่เคยได้รับการประกันตัว เมื่อไปขอการเยียวยาจากรัฐ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพไม่ให้การเยียวยา ที่ผ่านมามีคนเสื้อแดง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือเขาถูกฟ้องคดีที่เกี่ยวกับการวางเพลิงเผาอาคารเอกชน ในคดีอาญายกฟ้อง แต่ในคดีแพ่ง ศาลชั้นต้นและอุทธรณ์ยกฟ้อง แต่ศาลฎีกาสั่งให้มีความผิดต้องชำระค่าเสียหาย แม้เขาจะยืนกรานว่า ไม่ได้เป็นผู้กระทำแต่เมื่อศาลตัดสินเช่นนี้จึงผ่อนใช้ค่าเสียหายให้แก่เจ้าของอาคาร
“เรื่องนี้ที่จริงผมไม่คิดจะพูดเนื่องจากว่า มันเป็นชะตากรรมบุคคล ซึ่งอะไรมันจะเกิดขึ้นผมยืดอกรับ เพียงแต่ที่เล่าให้ฟัง เพราะผมคิดว่าที่ท่านชูวัสพูดมันมีประเด็นต้องคิดเหมือนกันว่า ถ้าเกิดออกไปแล้วมันเกิดคำถามทำนองนี้เราจะให้คำตอบกับผู้คนที่เรากำลังเสริมสร้างสังคมสันติสุขอย่างไรให้เขาได้ หรือเข้าใจได้ ส่วนตัวผม ผมไม่มีประเด็นผมชำระในส่วนของผม ผมก็กัดฟันไป…แม้แต่ตัวผมเองก็ถูกตั้งคำถามหรือถูกต่อว่าจากพี่น้องที่เคยร่วมต่อสู้ว่า สิ่งที่ผมมาทำมันจะเป็นการช่วยกลุ่มอื่นหมดเลย โดยที่กลุ่มที่สู้มากับผมไม่ได้อะไร ผมมาเพื่อมีการขยายฐานความผิดในบัญชีแนบท้าย มีการลบประวัติจากทะเบียนประวัติอาชญากร มีการพยายามที่จะทำให้ฐานความผิดทั้งหลายมันครอบคลุมที่สุด แม้ว่าจะมีบางเรื่องที่หลายท่านพูดถึงอยู่ว่า ทำไมมันถึงไปไม่ได้“
เขาทิ้งท้ายเรื่องคดีอาญาว่า แม้แต่เจ้าของตึกก็ไปให้การว่า คนเสื้อแดงไม่ได้เผา ตอนนั้นเจ้าหน้าที่บังคับให้ออกจากบ้าน ต่อมามีผู้เช่ารายหนึ่งขอกลับเข้าไปเอายารักษาโรคประจำตัวแต่เจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าบอกว่า พื้นที่นี้ถูกครอบครองโดยเจ้าหน้าที่แล้วใครก็เข้าไม่ได้ หลังจากนั้นจึงเกิดเพลิงไหม้
ชัยธวัชซัดข้อเสนอคืนเงิน “เอาแต่ได้” หลังดันนิรโทษกรรมแพ่งแบบสุดซอย
เมื่อกรรมาธิการหมดคำถามต่อผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆแล้วจึงดำเนินการพิจารณารายละเอียดในมาตรา8กำหนดว่า“มาตรา8ในกรณีที่การกระทำผิดตามมาตรา6ก่อให้เกิดความเสียหายทางแพ่งแก่หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ให้ความรับผิดทางแพ่งต่อหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจนั้นเป็นอันระงับสิ้นไป
กรณีตามวรรคหนึ่ง ถ้าศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ผู้นั้นชำระค่าเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจใด ให้ผู้นั้นพ้นจากความรับผิดชำระค่าเสียหายตามคำพิพากษานั้น ในคดีที่มีการบังคับคดีหรือผู้กระทำได้ชดใช้ค่าเสียหายให้หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจแล้ว ให้การบังคับคดีนั้นเป็นอันยุติลงและให้หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจคืนเงินค่าเสียหายหรือทรัพย์สินที่ยึดหรืออายัดแก่ผู้ที่พ้นจากความรับผิดตามกฎหมายตามพระราชบัญญัตินี้โดยเร็ว ถ้าอยู่ระหว่างการบังคับคดีหรือการยึดหรืออายัดทรัพย์สินใด ก็ให้การบังคับคดีหรือการยึดหรือการอายัดทรัพย์สินนั้นเป็นอันสิ้นผลบังคับหรือยกเลิกหรือสิ้นผลบังคับลงทันที”

ไพศาล อ้างการพูดคุยกับสุริยะใสอีกครั้งที่ระบุว่า การรับผิดทางแพ่งยังไม่ครอบคลุมเรื่องความระงับไปแห่งหนี้และกระบวนการล้มละลาย “ซึ่งวันนี้พวกกปปส.ถูกอายัดทรัพย์กัน และไม่ใช่แค่สี่ห้าล้านที่พูดกัน เป็นพันๆล้าน บางคดีเห็นว่าตั้ง2,500ล้าน ตอนนี้ตายไปแล้วก็ยังถูกอายัดทรัพย์ เวทนามาก”ไพศาลเสนอญัตติเพิ่มเติมมาตรา8ระบุว่า “ให้หนี้ตามคำพิพากษานั้นระงับไป…”เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า ฝ่ายเจ้าหนี้เมื่อหนี้ระงับแล้วอาจจะตามด้วยกระบวนการเยียวยา เช่น รัฐเป็นฝ่ายเยียวยาให้ด้วยวิธีการอย่างไร จำนวนเงินเท่าใดเพราะรัฐอาจไม่ต้องเยียวยาตามจำนวนก็ได้
ชัยธวัช ตุลาธน กรรมาธิการ กล่าวในประเด็นการนิรโทษกรรมทางแพ่งว่า
“ที่ผ่านมาเราพยายามเสนอนิรโทษกรรม 112ด้วยมักจะถูกต่อต้านหรือเห็นแย้ง ผมเข้าใจว่า มันผ่านยากแต่เหตุผลหนึ่งที่แย้งมาโดยตลอดคือ ไม่เคยมีการนิรโทษกรรมคดีมาตรา112มาก่อน สภาชุดนี้จะยอมนิรโทษกรรมคดี112ได้อย่างไร สมาชิกสส.หลายท่านก็แย้งในแย้งอีกทีมาตลอดว่า เคยมีสิ สมัยพล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์ ออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมคดี112เมื่อปี2521ทำไมจะไม่เคยมี หลังจากนั้นท่านไพศาลก็เล่าให้ฟังอีก66/23เรื่อยมามีผลในทางปฏิบัติคือนิรโทษกรรม คดีที่ร้ายแรงกว่าคดี112เปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นคอมมิวนิสต์ ต่อสู้ด้วยอาวุธฯ สงครามการเมือง…มีการนิรโทษกรรม
พูดเพื่อจะบอกว่า นี่ต่างหากที่เป็นการนิรโทษกรรมแพ่งเป็นครั้งแรก ไม่เคยมีการนิรโทษกรรมคดีแพ่งมาก่อน นี่จะเป็นครั้งแรกที่เราออกกฎหมายเรื่องนิรโทษกรรมทางแพ่ง ไม่มีใครแย้งว่า ไม่เคยมีการทำมาก่อนครั้งนี้จะทำได้อย่างไร ผมคิดว่า ผมเข้าใจ เราพยายามที่จะคืนความยุติธรรม เยียวยาชดเชยความเสียหายเท่าที่เราจะทำได้ภายใต้ข้อจำกัด ผมคิดว่า เป็นนวัตกรรมใหม่ นิรโทษฯทางแพ่งก็อาจจะยอมกันได้
แต่ผมคิดว่า ถ้าจะเอากันถึงขนาดต้องคืนทรัพย์สินที่ได้จากการชดใช้ความเสียหายไปแล้วด้วย ผมอาจจะไม่เห็นด้วย ผมรับได้ว่า ยุติหยุดกันเท่านี้ ที่ถูกบังคับคดีต้องไม่ถูกบังคับคดีต่อ ใครที่ถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์กลายเป็นบุคคลล้มละลายก็กลับสถานะล้มละลายนั้นออกให้เขา ให้เขาเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้ ผมคิดว่าแค่นี้สมเหตุสมผลแล้ว ผมคิดว่า ขนาดคืนเงินคืนทรัพย์สินให้ ผมคิดว่า ออกจะเอาแต่ได้มากเกินไป ในขณะที่ท่านชูวัสก็บอกว่า ทุกคนที่มีส่วนร่วมทางการเมืองทุกคนมีส่วน มีบาดแผลที่คืนให้แต่ละคนได้ไม่หมดหรอก…สำหรับคดีแพ่งผมคิดว่า เอาให้พอสมควร
ในขณะที่เราพยายามจะขอ เอาล่ะนิรโทษ112ไม่ได้ เอาเฉพาะเยาวชนได้ไหม ก็ไม่ได้อีก ผ่อนหนักเป็นเบาก็ไม่ได้ แต่กรณีแบบนี้จะเอากันสุดซอยเลยหรอ…”
เขากล่าวอีกว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ไม่มีทางสร้างเสริมสังคมสันติสุขในปัจจุบันและอนาคต เพราะมันเป็นพ.ร.บ.ที่ยกเว้นการจัดการความขัดแย้งในสังคมปัจจุบันและในอนาคตมาแล้วตั้งแต่การพิจารณาในมาตรา3ด้านทิชากล่าวเสริมและวอล์คเอาท์ โดยมีการบันทึกลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ส่วนตัวไม่ติดใจที่ศูนย์กลางแห่งอำนาจแห่งนี้จะกวาดทุกความขัดแย้งทางการเมืองมาพิจารณาเพื่อให้การเยียวยาประวัติศาสตร์บาดแผลที่ร้าวลึกทางการเมืองครอบคลุมให้มากที่สุด แต่ไม่เข้าใจที่ไม่รวมเยาวชน 112 เหมือนพวกเขาไม่มีตัวตน ข้ออ้างที่ว่าจะไม่ผ่านสภาใหญ่ถ้ามีนิรโทษกรรม 112 แม้จะเป็นเยาวชน มันช่างน่าละอายใจกับ สถานภาพ ส.ส.ที่ผ่านการหาเสียง การเลือกตั้งเข้ามาอยู่ในสภาอันทรงเกียรติที่ไม่กล้าหาญพอ”
ในเวลาประมาณ14:00น. หลังจากถกเถียงในเรื่องมาตรา8ทั้งเรื่องความเหมาะสมของการคืนเงินและการเสนอให้เติมความเรื่องการล้มละลาย ณัฐวุฒิหาข้อยุติ โดยถามไพศาลว่า ยอมได้หรือไม่เรื่องการไม่ต้องคืนเงินความเสียหายทางแพ่ง ได้คำตอบว่า ยอมได้
ที่ประชุมจึงมีมติเห็นชอบมาตรา8ข้อความว่า
“มาตรา8ในกรณีที่การกระทำความผิดตามมาตรา6ก่อให้เกิดความเสียหายทางแพ่งแก่หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจ ให้การดำเนินคดีทางแพ่งโดยหน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจนั้นเป็นอันยุติลง และมิให้หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจนั้นฟ้องร้องเพิ่มเติมเกี่ยวกับความเสียหายดังกล่าว
กรณีตามวรรคหนึ่ง ถ้าศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ผู้ใดชำระค่าเสียหายแก่หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจใด ให้การชดใช้ค่าเสียหายหรือการบังคับคดีให้หน่วยงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจเป็นอันยุติลง ทั้งนี้ไม่กระทบต่อการชำระหนี้หรือการบังคับคดีที่ดำเนินการเสร็จสิ้นไปก่อนแล้ว”
เคาะโครงสร้างคณะกรรมการสร้างเสริมสังคมสันติสุข
หลังได้ข้อสรุปในประเด็นการนิรโทษกรรมทางแพ่ง กมธ.นิรโทษกรรมพิจารณาต่อในเรื่องโครงสร้างของคณะกรรมการสร้างเสริมสังคมสันติสุขตามมาตรา4ของร่างหลักฉบับพรรครวมไทยสร้างชาติโดยได้ข้อสรุปว่า จะมีคณะกรรมการจำนวนเก้าคน ได้แก่ นายกรัฐมนตรีหรือรองนายกรัฐมนตรีที่ได้รับมอบหมายเป็นประธาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นรองประธาน ปลัดกระทรวงยุติธรรม เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิ3คนที่ได้รับการเสนอชื่อจากที่ประชุมวิปรัฐบาล วิปฝ่ายค้านและที่ประชุมอธิการบดี ผู้เชี่ยวชาญในองค์กรภาคประชาสังคมเกี่ยวกับการจัดการความขัดแย้งและอำนวยความยุติธรรมเป็นที่ประจักษ์จำนวนหนึ่งคน ซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฎรเสนอ และปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการ
โดยจะพิจารณาเรื่องลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อในการประชุมสัปดาห์หน้าวันที่24กันยายน2568ซึ่งสัปดาห์หน้ากมธ.นิรโทษกรรมจะมีการประชุมสองวันคือ วันที่24-25กันยายน2568เนื่องจากต้องการให้เสนอร่างวาระ2ให้ทันสมัยประชุมนี้